Sunday 20 May 2012

นักเรียนอดข้าวประท้วงต่อ จนกว่าจะเข้าเรียนรร.เดิม

วันนี้( 19 พ.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านนอกทำเนียบรัฐบาล ประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  กลุ่มนักเรียน ชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดัง จำนวน 5 คน ได้อดข้าวประท้วงเรียกร้องสิทธิ์ ให้ได้เข้าเรียนต่อในระดับชั้นม.4 หลังจากที่ไม่ผ่านเกณฑ์เข้าเรียนต่อชั้นม.4 โรงเรียนบดินทรเดชาฯได้  โดยมีผู้ปกครองและเพื่อนนักเรียนที่พลาดหวังการเข้าเรียนมาร่วมให้กำลังใจประมาณ 30 คน
หนึ่งในนักเรียนที่อดข้าวประท้วง กล่าวว่า ในเมื่อพวกตนได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการคัดนักเรียนชั้นม.3 เรียนต่อม.4 แล้ว แต่เรื่องก็ยังนิ่งเฉย ฉะนั้นตนและเพื่อนอีก 4 คนจะเป็นตัวแทนนักเรียนคนอื่นๆ อดข้าวประท้วงจนกว่าจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนบดินทรเดชาฯเพราะถูกแย่งสิทธิ์โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะการรับเด็กเงื่อนไขพิเศษ  จะเห็นได้ว่ามีเด็กที่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยศึกษาตอนต้นเพียง  1 กว่าก็เข้าเรียนได้ แต่ตนและเพื่อนได้เกรดเฉลี่ย 2  กว่าแต่ไม่ได้เรียน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมจึงเสนอให้ต่อไปจะต้องสอบคัดเลือกเด็กเข้าม.4 ทั้งหมดเหมือนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมกับเด็กทุกคน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายได้มีรองผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว และอาจารย์อีก 1 คน มาพบปะกับนักเรียนที่มาร่วมเรียกร้องสิทธิ์ด้วยโดยนักเรียนหญิงคนหนึ่งร้องไห้เมื่อเจออาจารย์ และบรรดาอาจารย์ต้องการจะพานักเรียนไปทานข้าวแต่ผู้ปกครองไม่ยินยอม

สืบเนื่องมาจาก ปัญหาไม่มีที่เรียน ม.4 อ้างสาเหตุจากรับ"แป๊ะเจี๊ย"
ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชื่อดัง ร่ำไห้ยื่นหนังสือร้อง “นายกฯปู” ช่วยเหลือ หลังไม่มีที่เรียน ม. 4 ต่อ จากปัญหามีการวิ่งเต้นฝากผ่านนักการเมือง – เรียกแป๊ะเจี๊ยนับแสนบาท นายกฯสั่ง ศธ.เร่งตรวจสอบช่วยเหลือ ด้านนักเรียนขู่อดข้าวประท้วงจนกว่าจะมีที่เรียน


วันนี้ ( 18 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ์ ถนนแจ้งวัฒนะ ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ มอบนโยบาย และประกาศ“ยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น”  ได้มีกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนชื่อดังระดับต้นๆในกรุงเทพฯ  กว่า 10 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตปล้นสิทธิการเข้าศึกษาต่อของนักเรียนเก่าในระดับม.3 ขึ้น ม.4 ของโรงเรียน จำนวน 220 ที่นั่ง เนื่องจากเด็กหลายรายเสียสิทธิการเข้าเรียนต่อ เพราะมีการเรียกค่าแป๊ะเจี๊ยถึงรายละ 2 แสนบาท พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกระบบการสอบขึ้นชั้นของนักเรียนเก่า ระดับ ม.3 สอบต่อระดับ ม.4 ทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเรียกรับสินบนเกิดขึ้น

  “นักเรียนชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนมีทั้งหมดประมาณ 800 กว่า คนแต่โรงเรียนให้สิทธิ์นักเรียนเดิมเพียง 556 คน เท่านั้น ที่เหลือให้เป็นการสอบเข้าทั่วไป 150 คน ห้องเรียนพิเศษ 30 คน  เงื่อนไขพิเศษ (แป๊ะเจี๋ย) 126 คน สหวิทยาเขต 12 คน และจากโครงการ พสวท อีก 6 คน พวกตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับนักเรียนเก่าที่มีเกรดดี บางคนได้เกรดเฉลี่ย 2.6 บางคน 2.4 และเป็นเด็กนักเรียนในเขตพื้นที่ด้วย แต่กลับไม่ได้รับเข้าเป็นนักเรียนในชั้น ม.4 ต่อ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม  ตอนนี้เด็กเก่ากว่า 100 คน ยังไม่มีที่เรียน แต่โรงเรียนกลับไปรับเด็กใหม่เข้ามา ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากนักการเมือง เกิดการวิ่งเต้นวิ่งเส้นสายเกิดขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย”ผู้ปกครอง และนักเรียนบดินทร์ กล่าวกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งบางคนถึงกับร่ำไห้ และเข้าไปไหว้นายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือ"

 ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน ว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะให้เกิดการเรียกรับเงินสินบน  เรื่องนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบ และถ้าหากผู้ปกครองท่านใดมีชื่อของผู้ที่เรียกรับเงินเหล่านี้ขอให้ส่งมาให้จะดำเนินการทันที และจะเร่งสั่งการให้ รมว.ศึกษาธิการ ดำเนินการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง ส่วนนักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียนก็จะเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาที่เรียนให้โดยเร็ว  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว  นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้มาเจรจากับกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนดังกล่าว ซึ่งปลัด ศธ. รับปากว่าจะเร่งหาทางช่วยเหลือต่อไป  
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร สพฐ.4 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนชั้นม.3  โรงเรียนดังกล่าว ประมาณ 30 คน นำข้อมูลใบมอบตัวอันดับการรับนักเรียนเข้าชี้แจงกับผู้บริหาร ศธ.เพื่อทวงความยุติธรรม โดยมีน.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ.นายอนันต์ ระงับทุกข์  รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รับเรื่องพร้อมชี้แจงหลังเกณฑ์เพื่อหาทางออกร่วมกัน หลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับน.ส.ศศิธารา ให้ช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มนี้ให้มีที่เรียนทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนผู้ปกครองได้เสนอข้อสงสัยและข้อเรียกร้อง 3 ประเด็น คือ 1.ให้ตรวจสอบขั้นตอนการรับนักเรียน ม.3 ขึ้น ม.4 อย่างละเอียด เพราะจากการสุ่มตรวจใบมอบตัวเด็ก ม.4  เฉพาะวันแรก (13 พ.ค.) พบว่าถ้าโรงเรียนดังกล่าวรับนักเรียนใหม่ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 150 คน แต่ทำไมเด็กใหม่ที่สมัครสอบได้อันดับที่ 549 ได้สอบสัมภาษณ์ หรือเด็กใหม่อันดับที่ 358 ขณะนี้ได้มอบตัวไปแล้ว ซึ่งผู้ปกครองอธิบายด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าวได้ตรวจสอบจากผลคะแนนการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้น ฐาน หรือโอเน็ต ระดับ ม.3 และหมายเลขประจำตัวนักเรียนเดิม ทำมห้ทราบว่าคนไหนเป็นเด็กใหม่คนไหนเป็นเด็กเก่า 2.เรียกร้องให้รับนักเรียนเดิมเข้าเรียนทั้งหมด และ3.ตรวจสอบเกณฑ์ผู้อุปการะคุณ
นายอนันต์  กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ 2 นั้นไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะ ศธ.ได้ประกาศหลักเกณฑ์นักเรียนชั้น ม.3 เดิมสามารถเรียนต่อระดับ ม.4 ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ จะให้เป็นอำนาจแต่ละโรงเรียนกำหนดหลักเกณฑ์เอง ดังนั้นการจะให้รับนักเรียนเดิมทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ทำไม่ได้ เพราะขัดแย้งกับคำสั่งกระทรวง ส่วนประเด็นที่ 3 นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามนโยบายการรับนักเรียน อาทิ ผู้ทำอุปการะคุณให้กับโรงเรียน เกณฑ์ผู้ยากไร้ เกณฑ์โควตาโรงเรียนคู่สหกิจ บุตรหลานข้าราชการโรงเรียน หรือเกณฑ์จัดตั้งโรงเรียน อาทิ ร.ร.หอวัง มีโควตาให้บุตรหลานพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะโรงเรียนได้รับการบริจาคที่ดินสร้างโรงเรียนจากการรถไฟฯ

"ส่วน ประเด็นแรก ผมขอตรวจสอบข้อมูลก่อน โดยจะมอบฝ่ายกฎหมายเข้าไปดูถ้าพบว่ามีการทุจริตจริง จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะถึงจะเป็นผู้อำนวยการ ก็ไม่สามารถทำผิดได้ โดยระหว่างดำเนินการนี้ สพฐ.จะแก้ปัญหาโดยมอบสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 กทม.จัดหาที่เรียนให้กับเด็กเหล่านี้ก่อน และถ้าพบว่าทุจริต สพฐ.จะกันเด็กที่เข้าเรียนโดยไม่ตรงตามเกณฑ์กำหนดออก และจัดสรรให้เด็กกลุ่มนี้กลับไปเข้าเรียนอีกครั้ง แต่การเรียกกลับนั้นต้องดูที่อันดับที่เด็กสอบได้และจำนวนที่ถูกกันออกไป ด้วย ดังนั้นถ้าให้รับกลับทั้งหมดตามข้อเรียกร้องคงทำไม่ได้ เพราะถือเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายเหมือนกัน" รอง กพฐ.กล่าว
ทางด้าน ผอ.โรงเรียนที่ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า  โรงเรียนปฏิบัติตามนโยบายของ สพฐ.ทุกประการ โดยกำหนดแผนรับทั้งหมด 786 คน แบ่งเป็น นักเรียนชั้นม.3 เดิม 556 คน รับทั่วไป 150 คน โควตาสหวิทยาเขต 12 คน เงื่อนไขพิเศษ 32 คน และห้องเรียนพิเศษ 36 คน ทั้งนี้หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเด็กชั้นม. 3 เดิมเรียนต่อชั้นม.4 นั้น จะพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX 80 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนโอเน็ต 20 เปอร์เซ็นต์ โดยจะนำคะแนนของนักเรียนชั้น ม.3 เดิมทุกคน จำนวน 893 คน มาเรียงลำดับคะแนนรวมจากมากที่สุดถึงน้อยที่สุด จากนั้นจะตัดตามจำนวนรับ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะรับเด็กเข้าเรียนต่อได้ทุกคน และตนไม่เคยประกาศด้วยว่าจะรับนักเรียนที่ทำกิจกรรมให้แก่โรงเรียนเข้าเรียน ทุกคน
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ปกครองได้นำรายชื่อนักเรียนประมาณ 20 คนที่มีพิรุธ พร้อมระบุว่าเด็กกลุ่มนี้มีคะแนนเฉลี่ยที่ต่ำและไม่ได้เป็นนักเรียนเดิม แต่เหตุใดถึงได้เข้าเรียนมายื่นต่อ สพฐ.นั้น ขอชี้แจงว่าเด็กกลุ่มดังกล่าวอยู่ในโควตาเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งกรณีนี้ทางคณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้กำหนดตั้งแต่ก่อนรับนักเรียนแล้ว ว่าจะรับจำนวนเท่าใด และกำหนดว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีอุปการะคุณที่มีให้กับโรงเรียนมาอย่างยาวนาน นักเรียนที่ทำกิจกรรมให้กับโรงเรียน อาทิ วงโยธวาทิต กิจกรรมโขน และนักกีฬา โดยครูที่รับผิดชอบกิจกรรมเหล่านี้คือผู้เสนอชื่อให้คณะกรรมการสถานศึกษาได้ พิจารณาคัดเลือก อย่างไรก็ตามขอชี้แจงว่าในส่วนของเงื่อนไขพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นนักเรียน เก่าเท่านั้น แต่สามารถรับนักเรียนใหม่ได้ และในส่วนนี้จะไม่มีการเรียงลำดับคะแนนด้วย
"ที่ผ่านมาเรื่องที่มีความ พยายามทำให้ผู้ปกครองเกิดความเข้าใจผิดมีเข้ามาตลอดเวลา แต่ทางโรงเรียนก็พยายามทำความเข้าใจมาโดยตลอด ดังนั้นคณะกรรมการสถานศึกษาจึงเตรียมที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อจะฟ้องร้องผู้ ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ชื่อเสียงของทางโรงเรียนได้รับความเสียหาย  โรงเรียนมีชื่อเสียงมายาวนาน สร้างคนให้เป็นคนดี แต่กลับถูกพูดจาในลักษณะที่ทำให้โรงเรียนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการรับนักเรียน ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลภายนอกยิ่งถือว่าเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามหากผู้ปกครองมีความเข้าใจและเห็นว่าสิ่งที่ได้กระทำเป็นเรื่อง ที่ไม่ถูกต้อง เราก็พร้อมที่จะให้อภัย เพราะเราสอนให้คนรู้จักผิดถูก ควรไม่ควร" ผู้อำนวยการกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปตามความต้องการ กลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนจึงตัดสินใจเดินทางไปปักหลักประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล โดยวันพรุ่งนี้หลังจากเวลา 12.00 น.ตัวแทนนักเรียน 5 คน จะอดข้าวอดน้ำประท้วงโดยให้เหตุผลว่า การกระทำของโรงเรียนขัดต่อฐธรรมนูญมาตรา 10 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และจะประท้วงจนกว่าข้อเรียกร้องบรรลุผล
ขอบคุณบทความจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

No comments: